ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน
(Constructionism)
ทิศนา
แขมมณี (2547 : 47-48)
ได้รวบรวมทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน ไว้ดังนี้
ก. ทฤษฎีการเรียนรู้
ทฤษฎี “Constructionism”
เป็นทฤษฎีที่มีพื้นฐานมากจากทฤษีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์ (Piaget)
เช่นเดียวกับทฤษฎีการสร้างความรู้ (Constructivism) ผู้พัฒนาทฤษฎีนี้คือ ศาสตราจารย์ ซีมัวร์ เพเพอร์ท (Seymour
Papert) แห่งสถาบันเทคโนโลยีเมสซาชูเซตส์ (Massachusetts
Institute of Technology) เพเพอร์ทได้มีโอกาสร่วมงานกับเพียเจต์และได้พัฒนาทฤษฎีนี้ขึ้นมาใช้ในวงการศึกษา
แนวความคิดของทฤษฎีนี้คือ (สำนักงานโครงการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ,
2542: 1-2) การเรียนรู้ที่ดีเกิดจากการสร้างพลังความร็ในตนเองและด้วยตนเองของผู้เรียน
หากผู้เรียนมีโอกาสได้สร้างความคิดและนำความคิดของตนเอง
ไปสร้างสรรค์ชิ้นงานโดยอาศัยสื่อและเทคโนโลยีที่เหมาะสม
จะทำให้เห็นความคิดนั้นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน
และเมื่อผู้เรียนสร้างสิ่งใดสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นมาในโลก ก็หมายถึงการสร้างความรู้ขึ้นในตนเองนั่นเอง
ความรู้ที่ผู้เรียนสร้างขึ้นในตนเองนี้ จะมีความหมายต่อผู้เรียน จะอยู่คงทน
ผู้เรียนจะไม่ลืมง่าย และจะสามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจความคิดของตนได้ดี
นอกจากนั้นความรู้ที่สร้างขึ้นเองนี้ยังเป็นฐานให้ผู้เรียนสามารถสร้างความรู้ใหม่ต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ข. การประยุกต์ใช้ทฤษฎีในการเรียนการสอน
เนื่องจากทฤษฎี “Constructionism”และ “Constructivism” มีรากฐานมาจากทฤษฎีเดียวกัน
แนวคิดหลักจึงเหมือนกัน จะมีความแตกต่างไปบ้างก็ตรงรูปแบบการปฏิบัติซึ่ง “Constructionism”
จะมีเอกลักษณ์ของตนในด้านการใช้สื่อ เทคโนโลยี วัสดุ และอุปกรณ์ต่าง
ๆ ที่เหมาะสมในการให้ผู้เรียนสร้างสาระการเรียนรู้และผลงานต่าง ๆ ด้วยตนเอง
เพเพอร์ทและคณะวิจัยแห่ง M.I.T. (บุปผชาติ ทัฬหิกรณ์ ในวชิราวุธวิทยาลัย,
2541:1-7) ได้ออกแบบวัสดุและการจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่สามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี
รวมทั้งได้นำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นเครื่องมือในการให้ผู้เรียนได้มีโอกาสสร้างความรู้ในการเรียนวิชาต่าง
ๆ โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
เพเพอร์ทและคณะได้ออกแบบสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์โลโก้ขึ้น
เพื่อให้เด็กใช้คณิตศาสตร์ในการสร้างรูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว ดนตรี เกม ฯลฯ
และได้พัฒนา “LEGO TC Logo” ซึ่งเชื่อมโยงภาษาโลโก้กับเลโก้
ซึ่งเป็นของเล่นที่มีลักษณะเป็นชิ้นส่วนที่สามารถนำมาต่อกันเป็นรูปต่าง ๆ ได้
ช่วยให้ผู้เรียนสามารถควบคุมเลโก้ของเล่นในคอมพิวเตอร์ให้เคลื่อนไหว เดิน ฉายแสง
หรือตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ ได้ตามต้องการ
เป็นการช่วยให้ผู้เรียนได้สร้างความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ด้วยตนเองไปพร้อม
ๆ กับการฝึกคิด การฝึกแก้ปัญหา และฝึกความอดทน
นอกจากนั้นผู้เรียนยังเรียนรู้การบูรณาการความรู้หลาย ๆ ด้าน
ทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์ สุนทรียศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ และศิลปะศาสตร์
ให้เป็นประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์ผลงาน นอกจากนั้นเพเพอร์ทและคณะยังได้พัฒนาโปรแกรม
“micro-worlds” “robot design” รวมทั้งสถานการณ์จำลองด้วยคอมพิวเตอร์อื่น
ๆ ขึ้นใช้ในการสอนอีกมาก
อย่างไรก็ตามสำหรับผู้เรียนที่ยังไม่มีสื่อดังกล่าวใช้
เพเพอร์ทกล่าวว่าสื่อธรรมชาติและวัสดุทางศิลปะส่วนมากสามารถนำมาใช้เป็นวัสดุในการสร้างความรู้ได้ดีเช่นกัน
เช่น กระดาษ กระดาษแข็ง ดินเหนียว ไม้ โลหะ พลาสติก สบู่ และของเหลือใช้ต่าง ๆ
แม้ว่าผู้เรียนจะมีวัสดุที่เหมาะสมสำหรับการสร้างความรู้ได้ดีแล้วก็ตาม
แต่ก็อาจไม่เพียงพอสำหรับการเรียนรู้ที่ดี
สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญมากอีกประการหนึ่งก็คือ บรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่ดี
ซึ่งควรมีส่วนประกอบ 3 ประการคือ
1) เป็นบรรยากาศที่มีทางเลือกหลากหลาย
เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เลือกตามความสนใจ
เนื่องจากผู้เรียนแต่ละคนมีความชอบและความสนใจไม่เหมือนกัน
การมีทางเลือกที่หลากหลายหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทำในสิ่งที่สนใจจะทำให้ผู้เรียนมีแรงจูงใจในการคิด
การทำ และการเรียนรู้ต่อไป
2) เป็นสภาพแวดล้อมที่มีความแตกต่างกันอันจะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความรู้
เช่น มีกลุ่มคนที่มีวัน ความถนัด ความสามารถ และประสบการณ์แตกต่างกัน
ซึ่งจะเอื้อให้มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การสร้างสรรค์ผลงานและความรู้
รวมทั้งการพัฒนาทักษะทางสังคมด้วย
3) เป็นบรรยากาศที่มีความเป็นมิตร
เป็นกันเอง บรรยากาศที่ทำให้ผู้เรียนรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย สบายใจ
จะเอื้อให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างมีความสุข
การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้สร้างความรู้ด้วยตนเองนี้จะประสบผลสำเร็จได้มากน้อยเพียงใด
มักขึ้นกับบทบาทครู ครูจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบทบาทของตนให้สอดคล้องกับแนวคิด ครูจะต้องทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน
ให้คำปรึกษาชี้แนะแก่นักเรียน เกื้อหนุนการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นสำคัญ
ในด้านการประเมินการเรียนรู้นั้นสามารถใช้วิธีการที่หลากหลาย เช่น การประเมินตนเอง
การประเมินโดยครูและเพื่อน การสังเกต การประเมินโดยใช้แฟ้มผลงาน เป็นต้น
อุไรวรรณ ศรีธิวงค์ (2559)
ได้กล่าวไว้ดังนี้ ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน
ได้รับการพัฒนาโดย Seymour Papert แห่งสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massacchusetts Institute of
Technology) โดยมีรากฐานมาจากทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเองของ Piaget แนวคิดของทฤษฎีนี้
เชื่อว่าการเรียนรู้ที่ดีเกิดจากการสร้างพลังความรู้ในตนเองด้วยตนเองของผู้เรียน
หากผู้เรียนได้รับโอกาสสร้างความคิดและนำความคิดของตนเองไปสร้างสรรค์ชิ้นงานโดยอาศัยสื่อและเทคโนโลยีที่เหมาะสม
จะทำให้ผู้เรียนได้เห็นความคิดของตนเองเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน
และเมื่อผู้เรียนสร้างสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นมาในโลก หมายถึงผู้เรียนได้มีการสร้างความรู้ขึ้น
และเป็นความรู้ที่มีความหมายต่อผู้เรียน เป็นความรู้ที่คงทน สามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจความคิดของตนได้ดี
นอกจากนั้น
ความรู้ที่สร้างขึ้นด้วยตนเองนี้เป็นฐานให้ผู้เรียนสามารถสร้างความรู้ใหม่ที่มีความซับซ้อนมากขึ้นต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ในลักษณะวงจรเสริมแรงภายในตัวเองของผู้เรียน
การให้ผู้เรียนได้มีโอกาสสร้างชิ้นงานนั้น
ผู้สอนจำเป็นต้องเตรียมเครื่องมือสร้างที่เหมาะสม
เพื่อผู้เรียนจะสามารถนำเครื่องมือนั้น ๆ
ไปใช้สร้างความรู้หรือชิ้นงานที่มีความหมายต่อตนเอง ถึงแม้ว่าผู้เรียนจะได้รับเครื่องมือชนิดเดียวกันแต่ชิ้นงานแตกต่างกันตามจินตนาการ
ความคิด และความสามารถในการแก้ปัญหาของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป
เป็นการส่งเสริมการคิดสร้างสรรค์ อย่างไรก็ตาม
การสร้างชิ้นงานของผู้เรียนจะนำไปสู่การสร้างความรู้ได้นั้น
ยังขึ้นอยู่กับบรรยากาศและสภาพแวดล้อมหรือบริบททางสังคม เช่น
การให้ผู้เรียนได้มีทางเลือกหลายทางเลือก
ทำให้ผู้เรียนได้มีโอกาสสร้างชิ้นงานที่ตนเองสนใจ
ส่งผลให้ผู้เรียนเต็มใจที่จะสร้างชิ้นงานให้สำเร็จแม้ต้องเผชิญกับปัญหาหรือความยากลำบากมากมาย ความหลากหลายในกลุ่มผู้เรียน ช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้การมีปฏิสัมพันธ์
การช่วยเหลือ การแบ่งปัน และการเรียนรู้จากกันและกัน
และห้องเรียนที่มีบรรยากาศความเป็นกันเอง ช่วยให้ผู้เรียนรู้สึกผ่อนคลาย อบอุ่น
และปลอดภัย
ทั้งนี้เนื่องจากผู้เรียนสามารถสอบถามหรือปรึกษาเพื่อนและครูได้ตลอดเวลา
สายใจ คุณบัวลา (2558)
ได้รวบรวมความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงานไว้ว่า
เป็นทฤษฎีการศึกษาที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในยุคแห่งเทคโนโลยีสารสนเทศได้เป็นอย่างดี
และมีการนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย
เป็นทฤษฎีทางการศึกษาที่มีพื้นฐานและแนวคิดให้นักเรียนสร้างความรู้ด้วยตนเองจากการปฏิบัติในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายและเหมาะสมกับนักเรียน
โดยอาศัยวัสดุ สื่อ
เทคโนโลยีในการสร้างสรรค์ชิ้นงานออกมาเป็นรูปธรรมจึงจะเกิดการเรียนรู้
ส่วนครูทำหน้าที่เป็นผู้สร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้
ตลอดจนอำนวยความสะดวก ที่แนะ ส่งเสริม สนับสนุน
กระตุ้นให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการคิดและการทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อส่งผลให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้มากที่สุด
สรุป
จากการศึกษาและรวบรวมข้อมูลสรุปได้ว่า
ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน (Constructionism) มีแนวคิดว่าการเรียนรู้ที่ดีจะเกิดขึ้นได้จากการสร้างความรู้ด้วยตนเอง
หากได้คิดและนำความคิดของตนไปสร้างสรรค์เป็นชิ้นงาน โดยสร้างจากการใช้สื่อและเทคโนโลยีต่าง
ๆ ที่เหมาะสม ฝึกการคิด ฝึกการแก้ปัญหา บูรณาการความรู้ในหลาย ๆ ด้าน
ก็จะทำให้ความคิดนั้นเป็นรูปธรรมมากขึ้น การเรียนรู้ก็พัฒนาไปด้วย
การที่ผู้เรียนนั้นเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงจะทำให้ผู้เรียนได้สร้างองค์ความรู้และเข้าใจในสิ่งต่าง
ๆ ได้ด้วยตนเอง อีกทั้งยังเป็นการปลูกฝังให้นักเรียนสามารถคิดวางแผนและทำงานอย่างเป็นระบบ
ซึ่งเป็นการเรียนรู้แบบครบองค์ความรู้ในทุก ๆ ด้าน
ที่มา
ทิศนา แขมมณี. (2547). ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มี
ประสิทธิภาพ.
พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ :
สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อุไรวรรณ ศรีธิวงค์. (2559).
http://kruoiysmarteng.blogspot.com/2016/08/constructionism-
seymour-papert.html.
[Online] เข้าถึงเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2561.
สายใจ คุณบัวลา. (2558).
http://digital_collect.lib.buu.ac.th/dcms/files/54920989.pdf. [Online] เข้าถึงเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2561.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น